วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

พระราชดำรัสในหลวง 5 ธันวาคม 2554


 พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 เสด็จออกมหาสมาคม ณ มุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ขอทรงพระเจริญ
ที่มา : โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ

พระ ราชดำรัส : "ขอขอบพระทัย และขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกัน มาให้พรวันเกิด รวมทั้งให้คำมั่นสัญญา โดยประการต่างๆ ข้าพเจ้าขอสนองต่อพรและไมตรีจิตทั้งนั้นด้วยใจจริงเช่นกัน ท่านทั้งหลายในที่นี้ ผู้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญ ทั้งฝ่ายพลเรือนและทหาร ย่อมทราบแก่ใจอยู่ทั่วกันว่า ความมั่นคงของประเทศชาตินั้น จะเกิดมีขึ้นได้ ก็ด้วยประชาชนในชาติอยู่ดีมีสุข ไม่มีทุกข์ยากเข็ญ ทั้งนั้นการได้อ่านใดที่เป็นความทุกข์เดือดร้อนของประชาชน ทุกคน ทุกฝ่ายจึงต้องถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องร่วมมือกัน ปฏิบัติแก้ไขให้เต็มกำลัง โดยเฉพาะขณะนี้ ประชาชนกำลังเดือดร้อนลำบากจากน้ำท่วม จึงขอจึงชอบที่จะร่วมมือกัน ปัดเป่าแก้ไขให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว และจัดทำโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน อย่างเช่น โครงการต่างๆ ที่เคยพูดไปนั้นเป็นการแนะนำไม่ได้สั่งการ แต่ถ้าเป็นการปรึกษากันแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ คุ้มค่า และทำได้ก็ทำ ข้อสำคัญจะต้องไม่ขัดแย้ง แตกแยกกัน หากจะต้องให้กำลังใจ ซึ่งกันและกันเพื่อให้งานที่ทำบรรลุผลที่มีประโยชน์ เพื่อความผาสุกของประชาชน และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และอำนวยความสุข ความเจริญแก่ท่านทั่วกัน"

"พระสุรเสียงที่อ่อนล้า..." ทุกครั้งที่ได้ชมการถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอทีวี ทันทีเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีดังกึกก้อง สายตาก็จับจ้องไปที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระพักตร์ที่ดูสดใส พลอยทำให้เรามีความสุขแบบบอกไม่ถูกจริงๆ แต่สิ่งหนึ่งที่พระองค์ทรงเน้นย้ำเช่นเดิมคือ การรู้จักหน้าที่ดังพระราชดำรัสตอนนี้ที่ว่า จึงควรทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนไว้ให้กระจ่างและนำไปปฏิบัติหน้าที่ของตน ให้ดีที่สุด แต่สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนพูดเป็นเสียงเดียวกันคือ เสียงของในหลวงดูเหนื่อย
พระสุรเสียงทีอ่อนล้า ภาพของในหลวงที่สงบนิ่ง ทำให้เราคิดไปว่าในพระทัยของพระองค์นั้นทรงคิดอะไร
ทรงย้ำเตือนอยู่ตลอดว่า ให้รู้จักหน้าที่ตนบ้านเมืองก็จะสงบสุข และอยู่บนความแตกต่างทางความคิดได้ สามัคคีนี้ก็คือ การเห็นแก่บ้านเมือง และช่วยกันทุกวิถีทาง เพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองให้เข็มแข็ง ด้วยการเห็นอกเห็นใจกันและกัน และทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ต้องส่งเสริมงานของกันและกัน มีเรื่องอะไรให้ได้พูด ปรองดองกัน อย่าเรื่องใครเรื่องมัน และงาน ก็ทำงานอย่างตรงไปตรงมา นึกถึงประโยชน์ส่วนรวม...

บ้านเมืองนี้ไม่ใช่ของใครผู้ใด แต่เป็นของทุกคน อยากให้บ้านเมืองเรากลับสู่ความสงบสามัคคีกัน เราควรกล่าวคำว่า ทรงพระเจริญพร้อมๆ กันทั้งประเทศ นั่นหล่ะค่ะที่จะทำให้พระองค์ทรงสบายพระหฤทัย ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ เปี่ยมด้วยพระพลานามัยที่สมบูรณ์ และพระชนมายุยิ่งยืนนานเทอญ

น้อมรับด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอ­เดชะ เทิดทูนเหนือชีวิตของข้าพระพุทธ­เจ้าทุกชาติไป ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน­

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น