วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

พระราชกรณียกิจด้านพลังงานทดแทน แก๊สโซฮอล์


 แนวพระราชดำริ เรื่อง "พลังงานทดแทน"
          “...ถ้าน้ำมันเชื้อเพลิงหมดแล้ว ก็ใช้เชื้อเพลิงอย่างอื่นได้ มี แต่ต้องขยัน หาวิธีที่ทำให้เชื้อเพลิงเกิดใหม่ เชื้อเพลิงที่เรียกว่าน้ำมันนั้นมันจะหมด ภายในไม่กี่ปีหรือไม่กี่สิบปีก็หมด... ถ้าไม่ได้ทำเชื้อเพลิงทดแทน เราก็เดือดร้อน...

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ
ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯ
วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2548 
 พระราชกรณียกิจด้านพลังงานทดแทน แก๊สโซฮอล์ ดีโซฮอล์ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์
 พระ ปรีชาสามารถและแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านการพัฒนาพลังงานนั้น ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศไทยอย่างกว้างขวาง พระองค์ทรงริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรมาเป็นเวลานาน ร่วม ๒๐ ปีแล้ว

   
  สำหรับประเทศไทย นับว่าเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่ได้เกิดมาและอาศัยอยู่ใต้ร่มพระบรม โพธิสมภารใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ ผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตาและทรงปรีชาสามารถในทุกด้าน
     พระองค์ทรงมีสายพระเนตรอันกว้างไกล ได้พระราชทานพระราชดำริให้พัฒนาและทดลองใช้เชื้อเพลิงเหลว ซึ่งสกัดจากพืชมาเป็นเวลาประมาณ ๒๐ ปีแล้ว ก่อเกิดเป็นโครงการทางด้านพลังงานที่สามารถนำมาปรับใช้ได้อย่างทันท่วงทีใน ยามที่เกิดวิกฤติราคาน้ำมันแพง ดังเช่น พลังงานทดแทนจากเอทานอล แก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซล โดย ใช้แอลกอฮอล์ผสมในน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล รวมทั้งการใช้น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ในเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อแปรผลิตผลจากภาคการเกษตรให้เป็นพลังงานทดแทน อันจะช่วยประหยัดเงินตราของประเทศจากการนำเข้า พร้อมกับแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรในขณะเดียวกัน

     พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ได้สร้างความซาบซึ้งและ ประทับใจแก่มวล พสกนิกรอย่างหาที่สิ้นสุดมิได้ โดยสิ่งประดิษฐ์ที่พระองค์ได้ทรงค้นคว้าวิจัยและสร้างสรรค์ขึ้น ล้วนเป็นประโยชน์แก่อาณาประชาราษฎร์และต่อประเทศนานัปการ ดังนั้น ในงานนิทรรศการสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ Brussels Eureka ๒๐๐๑ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ผลงานของพระองค์จำนวน ๓ ผลงาน ประกอบด้วยแนวพระราชดำริ ทฤษฎีใหม่” “โครงการฝนหลวงและ โครงการน้ำมันไบโอดีเซลสูตรสกัดจากน้ำมันปาล์ม จึง ได้รับการประกาศสดุดีเทิดพระเกียรติคุณให้เป็นผลงานแนวคิดใหม่ในการพัฒนา ประเทศพร้อม ประกาศนียบัตร ถ้วยรางวัลและเหรียญทอง อันนำมาศซึ่งความปลาบปลื้มปิติยินดีให้เกิดแก่ประชาชนชาวไทยทั้งมวล

และเป็นหนึ่งในสามผลงานของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวที่ทรงได้รับเหรียญทองประกาศนียบัตรสดุดีเทิดพระเกียรติคุณ พร้อมถ้วยรางวัล จากการส่งผลงานนี้ไปแสดงในงานนิทรรศการสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ BRUSSELS EURAKA 2001 ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม นำมาซึ่งความปลาบปลื้มปีตียินดีแก่ประชาชนชาวไทยทั้งมวล  
 สิทธิบัตรการประดิษฐ์
การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องยนต์ดีเซล

ใน การดำรงชีวิตประจำวันนั้น การเดินทางนับเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การดำรงชีวิตดำเนินต่อไปได้อย่างไม่ ติดขัด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ หรือไปทำธุระต่างๆ เรามีความจำเป็นต้องใช้พาหนะในการเดินทางทั้งสิ้น และเป็นที่ทราบกันดีว่าในยุคนี้ เวลานี้ น้ำมันมีราคาแพงมาก ทำให้เพิ่มค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวขึ้นอีกมากมาย
      โครงการ ตามแนวพระราชดำริ ผลิตแก๊สโซฮอล์ในโครงการส่วนพระองค์ได้กำเนิดขึ้น ด้วยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดรายจ่ายให้กับประชาชน เป็นการมองการณ์ไกลและเป็นพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่าน ร่วมสมัยจนถึง ณ ปัจจุบัน วันนี้ทางกลุ่มงานพัฒนาทุนตามแนวพระราชดำริ ขอน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องการผลิตแก๊สโซ ฮอล์ในโครงการส่วนพระองค์มานำเสนอค่ะ
เริ่มแรกเรามารู้จัก แก๊สโซฮอล์ 95 กันก่อนค่ะ แก๊สโซฮอล์ 95  คือ เบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 95 ที่มีส่วนผสมของ น้ำมันเบนซินกับเอทานอล ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ มีคุณสมบัติการใช้งาน เทียบเท่าน้ำมันเบนซิน 95 ทั่วไป แต่มีราคาถูกกว่า 50 สตางค์ต่อลิตร
โครงการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์
น้ำมันแก๊สโซ ฮอล์ หมายถึง น้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการผสมแอลกอฮอล์และน้ำมันเบนซิน เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินตรวจเยี่ยมโครงการส่วน พระองค์สวนจิตรลดา การก่อเกิดโครงการแก๊สโซฮอล์ นั้นเกิดขึ้นในปี 2528 เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเล็งเห็นว่าประเทศไทย อาจประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำมัน และปัญหาพืชผลทางการเกษตรราคาตกต่ำ จึงทรงมีพระราชดําริให้ โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาศึกษา ถึงการนําอ้อยมาแปรรูปเป็นแอลกอฮอล์ (เอทานอล) ใช้ผสมกับน้ำมันเบนซิน เป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และได้ทดลองใช้กับรถยนต์ในโครงการส่วนพระองค์ตั้งแต่ปี 2537 โดยทดสอบกับเครื่องยนต์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ได้ผลดีทั้งในห้องปฏิบัติการและท้องถนน

 หลังจากนั้นบริษัท บางจากฯ (มหาชน) ได้น้อมรับแนวพระราชดําริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาสานต่อให้เกิดเป็นรูปธรรมในวงกว้าง ได้ผลิตและจําหน่ายแก๊สโซฮอล์ 95 ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก โดยได้เริ่มทดลองจําหน่ายเมื่อปี 2544 จน กระทั่งปัจจุบันมีจําหน่ายอย่างแพร่หลายที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ขณะนี้แก๊สโซฮอลมีจําหน่ายที่สถานีบริการน้ำมันของ ปตท. และสถานีบริกาารน้ำมันบางจาก 
      แก๊สโซฮอล์ 95 มีส่วนผสมของน้ำมันเบนซินกับเอทานอล ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ดังนั้นนอกจากจะคุณสมบัติการใช้งานเทียบเท่าน้ำมันเบนซิน 95 ทั่วไป แต่มีราคาถูกกว่า 50 สตางค์ต่อลิตรแล้ว ยังเป็นพลังงานสะอาดเพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อชาติอีกด้วย
     โดยแก๊สโซฮอล์ 95 มีไฮโดรคาร์บอน คาร์บอนมอนนอกไซด์ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่าเบนซิน 95 ทั่วไป ช่วยลดควันดํา สารอะโรเมติกส์ สารเบนซีน และช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองจากท่อไอเสีย จึงนับได้ว่า แก๊สโซฮอล์ 95 เป็นเบนซินที่สะอาด ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม

โครงการส่วน พระองค์สวนจิตรลดา จึงนำแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 95 เปอร์เซ็นต์ไปผ่านกระบวนการแยกน้ำที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งประเทศไทย เพื่อให้ได้เอทานอล และนำกลับมาผสมกับน้ำมันเบนซินที่โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา 
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
เสด็จฯ ไปทรงเปิดโรงงานแอลกอฮอล์ ในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา

เราจะเห็นได้ว่าแก๊สโซฮอล์มีประโยชน์สำหรับประเทศชาติเรามากมาย ตัวเอย่างเช่น
     -
 เป็นพลังงานทดแทน ผลิตจากพืชเกษตรในประเทศ ใช้แทนสารเพิ่มออกเทนที่นําเข้าจาก ต่างประเทศ
     - ประหยัดเงินตราต่างประเทศมากกว่า 3,000 ล้านบาท ต่อปี
     - ประหยัดการใช้น้ำมันที่มีอยู่จํากัด โดยการนําเอทานอลมาผสมกับน้ำมันเบนซิน จะช่วยลดการใช้ น้ำมันของประเทศลงได้ประมาณ 10% หรือเดือนละ 25 ล้านลิตร
     - เกษตรกรไทยมีรายได้สูงขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการผลิตเอทานอลที่ได้จากพืชเกษตร
     - ลดมลพิษทางอากาศ โดยลดไฮโดรคาร์บอน และคาร์บอนมอนนอกไซด์ ลงได้ 20-25 % ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ที่ก่อให้เกิดสภาวะ เรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ (GREEN HOUSE EFFECT) รวมทั้งลดควันดํา ลดสารอะโรเมติกส์ และลดสารเบนซีน
      -ช่วยกระจายการลงทุน การจ้างงานสู่ชนบท
      
ในประเทศไทย พลังงานทดแทนมีสองอย่างคือ ไบโอดีเซล และน้ำมันแก๊สโซฮอล์
          ไบโอดีเซล (Biodiesel) พลังงานทดแทนน้ำมันดีเซล เป็นเชื้อเพลิงที่ได้จากการนำน้ำมันพืช เช่น ปาล์ม ไขมันสัตว์ หรือน้ำมันพืชใช้แล้วมาทำปฏิกิริยาทางเคมีทรานส์เอสเตอริฟิเคชั่นได้เป็นสาร เอสเตอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซล เมื่อนำมาผสมกับน้ำมันดีเซลเกรดที่ใช้กันปัจจุบันในสัดส่วนร้อยละ 5-10 (B5-B10) สามารถนำมาใช้งานในเครื่องยนต์ดีเซลได้เป็นอย่างดี โดยไม่ต้องดัดแปลงเครื่องยนต์
          น้ำมันแก๊สโซฮอล์ (Gasohol) เป็นพลังงานทดแทนน้ำมันเบนซิน เกิดจากการผสมของน้ำมันเบนซินกับเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ร้อยละ 99.5 หรือเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ผลิตจากผลผลิตทางการเกษตรผ่านกระบวนการหมัก กลั่นและทำให้บริสุทธิ์ โครงการแก๊สโซฮอล์เกิดขึ้นเมื่อปี 2528 จากพระอัจฉริยภาพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตระหนักว่าประเทศไทยอาจประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำมันและปัญหาพืชผลทาง การเกษตรราคาตกต่ำ จึงโปรดเกล้าฯพระราชทานพระราชดำริแก่โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ศึกษาถึงการนำอ้อยมาแปรรูปเป็นแอลกอฮอล์ (เอทานอล) ผสมกับน้ำมันเบนซินเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์
          น้ำมันแก๊สโซฮอล์ เริ่มทดลองใช้กับรถยนต์ในโครงการส่วนพระองค์ในปี 2537 โดยทดสอบกับเครื่องยนต์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ได้ผลดีทั้งในห้องปฏิบัติและท้องถนน คุณสมบัติสำคัญของไบโอดีเซลคือ สามารถย่อยสลายได้เอง ตามกระบวนการชีวภาพในธรรมชาติ (biodegradable) และไม่เป็นพิษ (non-toxic) ในปัจจุบัน ต้นทุนการผลิตไบโอดีเซล ยังมีราคาแพงกว่าดีเซลจากปิโตรเลียมเมื่อไม่นับรวมถึงอัตราภาษีสรรพสามิต ในประเทศเยอรมนี ในปีพ.ศ. 2548 มีกำลังการผลิต 2 ล้านตันต่อปี ราคาจำหน่ายตามสถานีประมาณ 45 บาทต่อลิตร ถูกกว่าน้ำมันดีเซลเพราะมีการยกเว้นภาษีสรรพสามิต กระบวนการผลิตไบโอดีเซลคือปฏิกิริยาเคมี Transesterification หรือ Esterification
          ประเทศไทยริเริ่มโครงการไบโอดีเซลเมื่อปีพ.ศ.2543 และได้มีการติดตั้งระบบผลิตเอทธิลเอสเตอร์โดยโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ตั้งแต่ 7 พ.ค.47 และได้มีการพัฒนาโครงการไบโอดีเซลชุมชนที่จ.เชียงใหม่ ปัจจุบัน(มี.ค.49) มีไบโอดีเซล 5% จำหน่ายในสถานีของ ปตท. และบางจากในกทม. และเชียงใหม่(ตามโครงการล้านนาฟ้าใสไบโอดีเซล)ทั้งหมด 15 สถานี   
ส่วนประโยชน์ของประชาชนทั่วไป คุณจะเห็นได้ง่ายๆ เลย อาทิเช่น
       - ได้ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 ในราคาที่ประหยัดลง 50 สตางค์ต่อลิตร
       - ช่วยให้เครื่องยนต์เผาไหม่สะอาด สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
       - ได้มีส่วนช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อนร่วมชาติให้ขายผลผลิตได้ในราคาที่สูงขึ้น
       - ได้ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งส่งผลถึงชีวิตตนเอง ลูกหลาน และเพื่อนร่วมชาติ
การ ใช้พลังงานนั้น หากเรารู้จักใช้ และประหยัดพลังงาน ก็จะทำให้ประเทศชาติเรามีพลังงานใช้ตลอดไป กลุ่มงานฯ หวังว่าเรื่องราวเกี่ยวกับแนวพระราชดําริ ผลิตแก๊สโซฮอล์ในโครงการส่วนพระองค์จะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ช่วยกันประหยัดพลังงาน ก็เหมือนกับช่วยชาติให้คงอยู่อย่างมั่น่คง ช่วยกันคนละนิดละหน่อย่ค่ะ แล้วพบกันใหม่ในครั้งต่อไปค่ะขอบคุณค่ะ


" Long Live The Great King Bhumibol Adulyadej "
“ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานองค์ภูมิพลอดุลยเดชมหาราชา

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
http://king.kapook.com/job_power.php

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น