แนวพระราชดำริ เรื่อง "พลังงานทดแทน"
“...ถ้าน้ำมันเชื้อเพลิงหมดแล้ว ก็ใช้เชื้อเพลิงอย่างอื่นได้ มี แต่ต้องขยัน หาวิธีที่ทำให้เชื้อเพลิงเกิดใหม่ เชื้อเพลิงที่เรียกว่าน้ำมันนั้นมันจะหมด ภายในไม่กี่ปีหรือไม่กี่สิบปีก็หมด... ถ้าไม่ได้ทำเชื้อเพลิงทดแทน เราก็เดือดร้อน...”
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ
ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯ
ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯ
วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2548
พระราชกรณียกิจด้านพลังงานทดแทน แก๊สโซฮอล์ ดีโซฮอล์ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์
พระ ปรีชาสามารถและแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านการพัฒนาพลังงานนั้น ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศไทยอย่างกว้างขวาง พระองค์ทรงริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรมาเป็นเวลานาน ร่วม ๒๐ ปีแล้ว
สำหรับประเทศไทย นับว่าเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่ได้เกิดมาและอาศัยอยู่ใต้ร่มพระบรม โพธิสมภารใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ ผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตาและทรงปรีชาสามารถในทุกด้าน
พระองค์ทรงมีสายพระเนตรอันกว้างไกล ได้พระราชทานพระราชดำริให้พัฒนาและทดลองใช้เชื้อเพลิงเหลว ซึ่งสกัดจากพืชมาเป็นเวลาประมาณ ๒๐ ปีแล้ว ก่อเกิดเป็นโครงการทางด้านพลังงานที่สามารถนำมาปรับใช้ได้อย่างทันท่วงทีใน ยามที่เกิดวิกฤติราคาน้ำมันแพง ดังเช่น พลังงานทดแทนจากเอทานอล แก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซล โดย ใช้แอลกอฮอล์ผสมในน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล รวมทั้งการใช้น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ในเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อแปรผลิตผลจากภาคการเกษตรให้เป็นพลังงานทดแทน อันจะช่วยประหยัดเงินตราของประเทศจากการนำเข้า พร้อมกับแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรในขณะเดียวกัน
พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ได้สร้างความซาบซึ้งและ ประทับใจแก่มวล พสกนิกรอย่างหาที่สิ้นสุดมิได้ โดยสิ่งประดิษฐ์ที่พระองค์ได้ทรงค้นคว้าวิจัยและสร้างสรรค์ขึ้น ล้วนเป็นประโยชน์แก่อาณาประชาราษฎร์และต่อประเทศนานัปการ ดังนั้น ในงานนิทรรศการสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ Brussels Eureka ๒๐๐๑ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ผลงานของพระองค์จำนวน ๓ ผลงาน ประกอบด้วยแนวพระราชดำริ “ทฤษฎีใหม่” “โครงการฝนหลวง” และ “โครงการน้ำมันไบโอดีเซลสูตรสกัดจากน้ำมันปาล์ม” จึง ได้รับการประกาศสดุดีเทิดพระเกียรติคุณให้เป็นผลงานแนวคิดใหม่ในการพัฒนา ประเทศพร้อม ประกาศนียบัตร ถ้วยรางวัลและเหรียญทอง อันนำมาศซึ่งความปลาบปลื้มปิติยินดีให้เกิดแก่ประชาชนชาวไทยทั้งมวล
สำหรับประเทศไทย นับว่าเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่ได้เกิดมาและอาศัยอยู่ใต้ร่มพระบรม โพธิสมภารใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ ผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตาและทรงปรีชาสามารถในทุกด้าน
พระองค์ทรงมีสายพระเนตรอันกว้างไกล ได้พระราชทานพระราชดำริให้พัฒนาและทดลองใช้เชื้อเพลิงเหลว ซึ่งสกัดจากพืชมาเป็นเวลาประมาณ ๒๐ ปีแล้ว ก่อเกิดเป็นโครงการทางด้านพลังงานที่สามารถนำมาปรับใช้ได้อย่างทันท่วงทีใน ยามที่เกิดวิกฤติราคาน้ำมันแพง ดังเช่น พลังงานทดแทนจากเอทานอล แก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซล โดย ใช้แอลกอฮอล์ผสมในน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล รวมทั้งการใช้น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ในเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อแปรผลิตผลจากภาคการเกษตรให้เป็นพลังงานทดแทน อันจะช่วยประหยัดเงินตราของประเทศจากการนำเข้า พร้อมกับแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรในขณะเดียวกัน
พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ได้สร้างความซาบซึ้งและ ประทับใจแก่มวล พสกนิกรอย่างหาที่สิ้นสุดมิได้ โดยสิ่งประดิษฐ์ที่พระองค์ได้ทรงค้นคว้าวิจัยและสร้างสรรค์ขึ้น ล้วนเป็นประโยชน์แก่อาณาประชาราษฎร์และต่อประเทศนานัปการ ดังนั้น ในงานนิทรรศการสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ Brussels Eureka ๒๐๐๑ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ผลงานของพระองค์จำนวน ๓ ผลงาน ประกอบด้วยแนวพระราชดำริ “ทฤษฎีใหม่” “โครงการฝนหลวง” และ “โครงการน้ำมันไบโอดีเซลสูตรสกัดจากน้ำมันปาล์ม” จึง ได้รับการประกาศสดุดีเทิดพระเกียรติคุณให้เป็นผลงานแนวคิดใหม่ในการพัฒนา ประเทศพร้อม ประกาศนียบัตร ถ้วยรางวัลและเหรียญทอง อันนำมาศซึ่งความปลาบปลื้มปิติยินดีให้เกิดแก่ประชาชนชาวไทยทั้งมวล
และเป็นหนึ่งในสามผลงานของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวที่ทรงได้รับเหรียญทองประกาศนียบัตรสดุดีเทิดพระเกียรติคุณ พร้อมถ้วยรางวัล จากการส่งผลงานนี้ไปแสดงในงานนิทรรศการสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ BRUSSELS EURAKA 2001 ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม นำมาซึ่งความปลาบปลื้มปีตียินดีแก่ประชาชนชาวไทยทั้งมวล
สิทธิบัตรการประดิษฐ์
การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องยนต์ดีเซล
การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องยนต์ดีเซล
ใน การดำรงชีวิตประจำวันนั้น การเดินทางนับเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การดำรงชีวิตดำเนินต่อไปได้อย่างไม่ ติดขัด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ หรือไปทำธุระต่างๆ เรามีความจำเป็นต้องใช้พาหนะในการเดินทางทั้งสิ้น และเป็นที่ทราบกันดีว่าในยุคนี้ เวลานี้ น้ำมันมีราคาแพงมาก ทำให้เพิ่มค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวขึ้นอีกมากมาย
โครงการ ตามแนวพระราชดำริ ผลิตแก๊สโซฮอล์ในโครงการส่วนพระองค์ได้กำเนิดขึ้น ด้วยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดรายจ่ายให้กับประชาชน เป็นการมองการณ์ไกลและเป็นพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่าน ร่วมสมัยจนถึง ณ ปัจจุบัน วันนี้ทางกลุ่มงานพัฒนาทุนตามแนวพระราชดำริ ขอน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องการผลิตแก๊สโซ ฮอล์ในโครงการส่วนพระองค์มานำเสนอค่ะ
เริ่มแรกเรามารู้จัก แก๊สโซฮอล์ 95 กันก่อนค่ะ แก๊สโซฮอล์ 95 คือ เบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 95 ที่มีส่วนผสมของ น้ำมันเบนซินกับเอทานอล ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ มีคุณสมบัติการใช้งาน เทียบเท่าน้ำมันเบนซิน 95 ทั่วไป แต่มีราคาถูกกว่า 50 สตางค์ต่อลิตร
โครงการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์
น้ำมันแก๊สโซ ฮอล์ หมายถึง น้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการผสมแอลกอฮอล์และน้ำมันเบนซิน เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินตรวจเยี่ยมโครงการส่วน พระองค์สวนจิตรลดา การก่อเกิดโครงการแก๊สโซฮอล์ นั้นเกิดขึ้นในปี 2528 เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเล็งเห็นว่าประเทศไทย อาจประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำมัน และปัญหาพืชผลทางการเกษตรราคาตกต่ำ จึงทรงมีพระราชดําริให้ โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาศึกษา ถึงการนําอ้อยมาแปรรูปเป็นแอลกอฮอล์ (เอทานอล) ใช้ผสมกับน้ำมันเบนซิน เป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และได้ทดลองใช้กับรถยนต์ในโครงการส่วนพระองค์ตั้งแต่ปี 2537 โดยทดสอบกับเครื่องยนต์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ได้ผลดีทั้งในห้องปฏิบัติการและท้องถนน
หลังจากนั้นบริษัท บางจากฯ (มหาชน) ได้น้อมรับแนวพระราชดําริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาสานต่อให้เกิดเป็นรูปธรรมในวงกว้าง ได้ผลิตและจําหน่ายแก๊สโซฮอล์ 95 ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก โดยได้เริ่มทดลองจําหน่ายเมื่อปี 2544 จน กระทั่งปัจจุบันมีจําหน่ายอย่างแพร่หลายที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ขณะนี้แก๊สโซฮอลมีจําหน่ายที่สถานีบริการน้ำมันของ ปตท. และสถานีบริกาารน้ำมันบางจาก
แก๊สโซฮอล์ 95 มีส่วนผสมของน้ำมันเบนซินกับเอทานอล ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ดังนั้นนอกจากจะคุณสมบัติการใช้งานเทียบเท่าน้ำมันเบนซิน 95 ทั่วไป แต่มีราคาถูกกว่า 50 สตางค์ต่อลิตรแล้ว ยังเป็นพลังงานสะอาดเพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อชาติอีกด้วย
โดยแก๊สโซฮอล์ 95 มีไฮโดรคาร์บอน คาร์บอนมอนนอกไซด์ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่าเบนซิน 95 ทั่วไป ช่วยลดควันดํา สารอะโรเมติกส์ สารเบนซีน และช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองจากท่อไอเสีย จึงนับได้ว่า แก๊สโซฮอล์ 95 เป็นเบนซินที่สะอาด ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
โดยแก๊สโซฮอล์ 95 มีไฮโดรคาร์บอน คาร์บอนมอนนอกไซด์ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่าเบนซิน 95 ทั่วไป ช่วยลดควันดํา สารอะโรเมติกส์ สารเบนซีน และช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองจากท่อไอเสีย จึงนับได้ว่า แก๊สโซฮอล์ 95 เป็นเบนซินที่สะอาด ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
โครงการส่วน พระองค์สวนจิตรลดา จึงนำแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 95 เปอร์เซ็นต์ไปผ่านกระบวนการแยกน้ำที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งประเทศไทย เพื่อให้ได้เอทานอล และนำกลับมาผสมกับน้ำมันเบนซินที่โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
เสด็จฯ ไปทรงเปิดโรงงานแอลกอฮอล์ ในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
เสด็จฯ ไปทรงเปิดโรงงานแอลกอฮอล์ ในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
เราจะเห็นได้ว่าแก๊สโซฮอล์มีประโยชน์สำหรับประเทศชาติเรามากมาย ตัวเอย่างเช่น
- เป็นพลังงานทดแทน ผลิตจากพืชเกษตรในประเทศ ใช้แทนสารเพิ่มออกเทนที่นําเข้าจาก ต่างประเทศ
- ประหยัดเงินตราต่างประเทศมากกว่า 3,000 ล้านบาท ต่อปี
- ประหยัดการใช้น้ำมันที่มีอยู่จํากัด โดยการนําเอทานอลมาผสมกับน้ำมันเบนซิน จะช่วยลดการใช้ น้ำมันของประเทศลงได้ประมาณ 10% หรือเดือนละ 25 ล้านลิตร
- เกษตรกรไทยมีรายได้สูงขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการผลิตเอทานอลที่ได้จากพืชเกษตร
- ลดมลพิษทางอากาศ โดยลดไฮโดรคาร์บอน และคาร์บอนมอนนอกไซด์ ลงได้ 20-25 % ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ที่ก่อให้เกิดสภาวะ เรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ (GREEN HOUSE EFFECT) รวมทั้งลดควันดํา ลดสารอะโรเมติกส์ และลดสารเบนซีน
-ช่วยกระจายการลงทุน การจ้างงานสู่ชนบท
- เป็นพลังงานทดแทน ผลิตจากพืชเกษตรในประเทศ ใช้แทนสารเพิ่มออกเทนที่นําเข้าจาก ต่างประเทศ
- ประหยัดเงินตราต่างประเทศมากกว่า 3,000 ล้านบาท ต่อปี
- ประหยัดการใช้น้ำมันที่มีอยู่จํากัด โดยการนําเอทานอลมาผสมกับน้ำมันเบนซิน จะช่วยลดการใช้ น้ำมันของประเทศลงได้ประมาณ 10% หรือเดือนละ 25 ล้านลิตร
- เกษตรกรไทยมีรายได้สูงขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการผลิตเอทานอลที่ได้จากพืชเกษตร
- ลดมลพิษทางอากาศ โดยลดไฮโดรคาร์บอน และคาร์บอนมอนนอกไซด์ ลงได้ 20-25 % ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ที่ก่อให้เกิดสภาวะ เรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ (GREEN HOUSE EFFECT) รวมทั้งลดควันดํา ลดสารอะโรเมติกส์ และลดสารเบนซีน
-ช่วยกระจายการลงทุน การจ้างงานสู่ชนบท
ในประเทศไทย พลังงานทดแทนมีสองอย่างคือ ไบโอดีเซล และน้ำมันแก๊สโซฮอล์
ไบโอดีเซล (Biodiesel) พลังงานทดแทนน้ำมันดีเซล เป็นเชื้อเพลิงที่ได้จากการนำน้ำมันพืช เช่น ปาล์ม ไขมันสัตว์ หรือน้ำมันพืชใช้แล้วมาทำปฏิกิริยาทางเคมีทรานส์เอสเตอริฟิเคชั่นได้เป็นสาร เอสเตอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซล เมื่อนำมาผสมกับน้ำมันดีเซลเกรดที่ใช้กันปัจจุบันในสัดส่วนร้อยละ 5-10 (B5-B10) สามารถนำมาใช้งานในเครื่องยนต์ดีเซลได้เป็นอย่างดี โดยไม่ต้องดัดแปลงเครื่องยนต์
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ (Gasohol) เป็นพลังงานทดแทนน้ำมันเบนซิน เกิดจากการผสมของน้ำมันเบนซินกับเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ร้อยละ 99.5 หรือเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ผลิตจากผลผลิตทางการเกษตรผ่านกระบวนการหมัก กลั่นและทำให้บริสุทธิ์ โครงการแก๊สโซฮอล์เกิดขึ้นเมื่อปี 2528 จากพระอัจฉริยภาพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตระหนักว่าประเทศไทยอาจประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำมันและปัญหาพืชผลทาง การเกษตรราคาตกต่ำ จึงโปรดเกล้าฯพระราชทานพระราชดำริแก่โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ศึกษาถึงการนำอ้อยมาแปรรูปเป็นแอลกอฮอล์ (เอทานอล) ผสมกับน้ำมันเบนซินเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ เริ่มทดลองใช้กับรถยนต์ในโครงการส่วนพระองค์ในปี 2537 โดยทดสอบกับเครื่องยนต์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ได้ผลดีทั้งในห้องปฏิบัติและท้องถนน คุณสมบัติสำคัญของไบโอดีเซลคือ สามารถย่อยสลายได้เอง ตามกระบวนการชีวภาพในธรรมชาติ (biodegradable) และไม่เป็นพิษ (non-toxic) ในปัจจุบัน ต้นทุนการผลิตไบโอดีเซล ยังมีราคาแพงกว่าดีเซลจากปิโตรเลียมเมื่อไม่นับรวมถึงอัตราภาษีสรรพสามิต ในประเทศเยอรมนี ในปีพ.ศ. 2548 มีกำลังการผลิต 2 ล้านตันต่อปี ราคาจำหน่ายตามสถานีประมาณ 45 บาทต่อลิตร ถูกกว่าน้ำมันดีเซลเพราะมีการยกเว้นภาษีสรรพสามิต กระบวนการผลิตไบโอดีเซลคือปฏิกิริยาเคมี Transesterification หรือ Esterification
ประเทศไทยริเริ่มโครงการไบโอดีเซลเมื่อปีพ.ศ.2543 และได้มีการติดตั้งระบบผลิตเอทธิลเอสเตอร์โดยโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ตั้งแต่ 7 พ.ค.47 และได้มีการพัฒนาโครงการไบโอดีเซลชุมชนที่จ.เชียงใหม่ ปัจจุบัน(มี.ค.49) มีไบโอดีเซล 5% จำหน่ายในสถานีของ ปตท. และบางจากในกทม. และเชียงใหม่(ตามโครงการล้านนาฟ้าใสไบโอดีเซล)ทั้งหมด 15 สถานี
ส่วนประโยชน์ของประชาชนทั่วไป คุณจะเห็นได้ง่ายๆ เลย อาทิเช่น
- ได้ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 ในราคาที่ประหยัดลง 50 สตางค์ต่อลิตร
- ช่วยให้เครื่องยนต์เผาไหม่สะอาด สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
- ได้มีส่วนช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อนร่วมชาติให้ขายผลผลิตได้ในราคาที่สูงขึ้น
- ได้ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งส่งผลถึงชีวิตตนเอง ลูกหลาน และเพื่อนร่วมชาติ
- ได้ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95 ในราคาที่ประหยัดลง 50 สตางค์ต่อลิตร
- ช่วยให้เครื่องยนต์เผาไหม่สะอาด สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
- ได้มีส่วนช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อนร่วมชาติให้ขายผลผลิตได้ในราคาที่สูงขึ้น
- ได้ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งส่งผลถึงชีวิตตนเอง ลูกหลาน และเพื่อนร่วมชาติ
การ ใช้พลังงานนั้น หากเรารู้จักใช้ และประหยัดพลังงาน ก็จะทำให้ประเทศชาติเรามีพลังงานใช้ตลอดไป กลุ่มงานฯ หวังว่าเรื่องราวเกี่ยวกับแนวพระราชดําริ ผลิตแก๊สโซฮอล์ในโครงการส่วนพระองค์… จะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ช่วยกันประหยัดพลังงาน ก็เหมือนกับช่วยชาติให้คงอยู่อย่างมั่น่คง ช่วยกันคนละนิดละหน่อย่ค่ะ … แล้วพบกันใหม่ในครั้งต่อไปค่ะ… ขอบคุณค่ะ
" Long Live The Great King Bhumibol Adulyadej "
“ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานองค์ภูมิพลอดุลยเดชมหาราชา
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
http://king.kapook.com/job_power.php
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น