วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

เมื่อเขมรมีปัญหาก็ได้รับพระเมตตาจากพระองค์ท่าน


ใต้ฟ้าเมืองไทย…เขมรเนรคุณไทย....หรือทหารไทยไม่รักชาติ (ซะแล้ว)
       พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ได้ทรงพระราชทานความช่วยเหลือชาวกัมพูชาที่อพยพหลบหนีความทุกข์ร้อนจากแผ่น ดินที่ลุกเป็นไฟมาโดยตลอด


       สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอร์ปเตอร์ในช่วงเวลาที่ฝนตกไปยังพื้นที่ชายหาด จ.ตราด ที่มีชาวเขมรอพยพมาอยู่นับแสนคน ทรงย่างพระบาทหลายกิโลเมตรในพื้นที่เปียกแฉะบริเวณซึ่งชาวเขมรอาศัยอยู่ชายหาด โดยที่มีอุจจาระปัสสาวะและกลิ่นเหม็นแต่ก็ไม่ได้ทรงรังเกียจอะไรเลย ชาวเขมรที่อพยพเข้ามาแทบไม่ได้มีทรัพย์สินใดๆติดตัวมา บางคนล้มตัวลงเสียชีวิตต่อหน้าพระพักตร์ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้ทรงพระราชทานอาหารสิ่งของเครื่องใช้ จำนวนมากอย่างรวดเร็ว


เด็กชาวกัมพูชาที่ผอมหนังหุ้มกระดูกเหมือนลูกนกอพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ผอมหนังหุ้มกระดูกเหมือนยังกับลูกนก คือกระแสรับสั่งของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเมื่อได้ทอดพระเนตรเห็น เด็กที่ดูแคระแกรนไม่โตตามอายุ และผอมซีดเซียวจนหนังหุ้มกระดูก
   
       สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถได้ทรงชงนมให้ข้าราชบริพารดูเป็นตัวอย่างและรับสั่งว่า คนที่ขาดอาหารถ้าชงนมให้กินเหมือนปกติทั่วไปท้องจะเสียหรือเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ ต้องให้ชงนมชนิดเจือจางที่สุด ป้อนทีละน้อย ให้สภาพร่างกายเคยชินก่อน แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มนมให้เข้มข้นขึ้นจนกระทั่งเหมือนกับคนปกติภายหลัง

สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้ทรงช่วยเลี้ยงเด็กกำพร้าจำนวนมาก ร่วมกับข้าราชบริพาร โดยให้เด็กๆ นั่งเรียงกันเป็นแถวตักอาหารป้อนกินจนอิ่ม
   
       วันนั้นสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้ทรงประทับอยู่เป็นเวลานานมากและยังทรงมีรับสั่งด้วยว่า ด้วยมนุษยธรรมนั้นเราต้องช่วย เมืองไทยเราเองเป็นเมืองพุทธศาสนาหลังจากเสด็จกลับก็ได้พระราชทานสิ่งของมาช่วยเหลือตามมาอีกจำนวนมาก และได้ทรงตั้งศูนย์สภากาชาดไทย บ้านเขาล้าน อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เพื่อช่วยเหลือชาวกัมพูชาที่อพยพเข้ามาในดินแดนไทยโดยเฉพาะ
   
       ผ่านไป 3 เดือนเด็กๆชาวกัมพูชาที่เป็นเหมือนลูกนกหนังหุ้มกระดูกก็มีเนื้อมีหลังและ รอดชีวิตทั้งหมด และหลังจากที่ประเทศกัมพูชาได้สงบแล้วชาวกัมพูชาได้ทยอยอพยพกลับคืนถิ่นฐาน เดิมในที่สุด
   
       สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์พระบรมราชินีนาถได้เคยมีกระแสพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 26 พฤษาคม พ.ศ. 2552 ว่า:
   
       ฉันตัดสินใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เหล่านี้ เท่าที่กำลังความสามารถของฉันจะมี
   
       ประชาชนนานาชาติที่ได้มีโอกาสทราบเหตุการณ์ดังกล่าว ย่อมซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ในช่วงเวลาที่เป็นวิกฤติ ที่สุดของประชาชนชาวกัมพูชาอย่างยากจะลืมเลือน !!!

วันที่ 22 ตุลาคม 2522 ประเทศไทยยอมให้ UNHCR  ตั้งศูนย์ผู้ลี้ภัยสงคราม ห่างจากตัวเมืองสระแก้ว   ประมาณ 40 กิโลเมตร  ข้อมูลจาก Dr. Alan Dellow จาก save the children ประเทศอังกฤษ ผู้เคยทำงานในค่าย   กล่าวว่า  ค่ายนี้ตั้งขึ้นบนแผ่นดินประเทศไทย  ในพื้นที่รกร้าง ขนาด 160,000 ตารางเมตร   เพื่อใช้สำหรับการเพาะปลูกข้าวของคนอพยพ  โดยขอให้ UNHCR เตรียมการด้านต่างๆ ให้ทั้งอาสาสมัคร แพทย์ และผู้ดูแล อีก 2 วันต่อมา  ก็ลำเลียงขนส่งผู้ลี้ภัยเขมร 8000 คน มาอยู่ที่ค่าย  ต่อมาอีก  8 วัน ผู้ลี้ภัยเขมร เพิ่มขึ้นถึงกว่า 30,000 คน 
ในตอนนั้น  นาง  Rosalyn Carter ภรรยาของประธานาธิบดีคาร์เตอร์มาเยือนค่ายผู้อพยพนี้ พร้อมกับ  สมาชิกสภาคองเกรส หลายคน  ดังมาก เพราะลงข่าวหนังสือพิมพ์ Timeเมื่อค่ายนี้ถูกปิดลงใครจะนึกว่า  อีก 30 ปี  จะทำให้แผ่นดินตรงนี้ เป็นของเขมร  ด้วยเหตุที่ทางการไทย ละเลย ทั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น   และรัฐบาลไทยปล่อยให้ชาวเขมรทำกิน ทำนาตั้งแต่สมัยโน้น  ชายแต่งงานกับหญิงเขมร   หญิงเขมรแต่งงานกับหนุ่มไทยจนเป็นเครือญาติมานาน  นี่แหละน้ำใจคนไทย

วีระบุรุษตาพระยากลายเป็นอดีตทหารไปแล้ว
 เพลงยอมตายที่ตาพระยา....เลือดและน้ำตาบ่าท่วมชายแดน.... พ่อกูชื่อนเรศวรมหาราช..!!!

พันเอก (พิเศษ) ประจักษ์ สว่างจิตร หรือที่นิยมเรียกว่า ผู้การประจักษ์ (12 กันยายน พ.ศ. 248010 กันยายน พ.ศ. 2548) พ.อ. (พิเศษ) ประจักษ์ เป็นหนึ่งในแกนนำสำคัญของนายทหาร จปร.7 เป็นนักรบอาชีพที่ผ่านการรบมาอย่างโชกโชนในสมรภูมิอินโดจีน ทั้งในเวียดนาม กัมพูชา ลาว เป็นทหารที่ดุดันเอาจริงเอาจังในการตอบโต้การล่วงละเมิดอธิปไตยของไทย จนเพื่อนในรุ่นเรียกว่า "นักรบบ้าดีเดือด" และชาวบ้านบริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา ตั้งฉายาให้ว่า "วีรบุรุษตาพระยา"' ท่านเป็นทหารที่รู้ว่าเขตแดนประเทศไทยเป็นอย่างดี..


ทหารปัจจุบัน กลายเป็นทหาร สมานฉันท์ ส่งบรรณาการเป็นกุนเชียงให้เขมร ไปเรียบร้อยแล้ว  
     
"ทหารเป็นกาวใจ สร้างความปรองดองสมานฉันท์ระหว่างรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐ ทำงานเชิงรุกฟื้นสัมพันธ์ไทย-เขมร แก้ปัญหาพิพาทชายแดนคุกรุ่น"
เตือนลูกน้องเบาๆมือไปก่อน
พล.ท.ธวัชชัย กล่าวอีกว่า การปะทะดังกล่าวฝ่ายเราเพียงตอบโต้โดยใช้ปืนเล็กเท่านั้น เราไม่ได้ใช้ปืนใหญ่ เพราะพยายามบอกลูกน้องไว้ว่า ช่วยกันนิดนึง หาโอกาสดีๆ แบบนี้ลำบาก ประชาชน 4 หมื่นคน ต้องการกลับบ้าน เขารอเราอยู่ "ผมพยายามรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ การหยุดยิงถาวรคงทำไม่ได้ เพราะเราควบคุมเขาไม่ได้ แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด"พล.ท.ธวัชชัยกล่าวะเตือนลูกน้องเบาๆมือไปก่อน (ทหารต้องทำตามคำสั่งผู้บริหาร เท่านั้น)
 

ใครรานใครรุก ด้าวแดนไทย  ไทยรบจนสุดใจขาดดิ้น เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล ยอมสละสิ้นแล เสียไปเสียสิ้น ชื่อก้องเกียรติงาม ???


ขนาดรั้วของชาติที่มีสรรพวุธยิ่งใหญ่ไม่เป็นรองใครในภาคพื้นเอเซีย ยังทำได้แค่นี้ แล้วพวกเราที่มีบ้านอยู่ติดเขตชายแดน ก็คงต้องซ้อมมุดรูหนีเขมรต่อไป..........เราจะโทษ เขมร สันดาลเนรคุณ หรือว่าคนไทย เนรคุณแผ่นดินเกิดตนเอง???

 คนไทยตามแนวชายแดนต้องอพยพหนีเขมร

ปล่อยให้ชาวบ้านตามแนวชายแดนซ้อมมุดรูหนีเขมรต่อไป..... 


อ่านเพิ่มเติมประวัติศาสตร์ชายแดนไทยเขมร ได้ที่นี่  ไล่ตามปีhttp://www.websitesrcg.com/border/border-history-1.html

2 ความคิดเห็น:

  1. พระเมตตาไม่เคยแยกแม้ชาติใด
    ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    ตอบลบ
  2. ขอสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์จงทรงพระเจริญยื่งยืนนาน

    ตอบลบ