วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

ด.ช.กล้า"เรียนรู้ คู่ฟ้าสองพระบารมี




ด.ช.กล้า"เรียนรู้" คู่ฟ้าสองพระบารมี

เรื่องเล่าจำเขามา....

กล้า หลานชาย วัย 9 ขวบ กำลังหงุดหงิดเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงหลั่งไหลมารวมกันเยอะขนาดนี้

ตาและยาย ที่พากล้าเดินทางมาจากอีสาน เพื่อร่วมถวายพระพร ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2549 บอกให้หลานชายลองมองไปรอบๆ ตัวว่าเห็นอะไรบ้าง

กล้าไม่ตอบ แต่เหลือบตามองไปทั่ว และ รู้สึกแปลกที่ประชาชนซึ่งพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลืองต่างยิ้มแย้มสนุกสนาน ท่ามกลางอากาศร้อนจัด

"ร้อนแค่นี้เอ็งก็บ่น ในหลวงกับพระราชินีท่านร้อนกว่านี้ ลำบากกว่านี้หลายเท่า ท่านยังทนเพื่อพวกเราทุกคนได้ ท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แต่กลับต้องเสด็จฯ ทุกที่ที่มีปัญหา เอ็งว่าท่านเหนื่อยบ่"

ตาว่าพลางหยิบรูปเก่าๆ รูปหนึ่งออกมา เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะกำลังทรงงานอย่างเหน็ดเหนื่อยจนพระเสโทผุดพรายเต็มพระพักตร์ของพระองค์ท่าน

"ในหลวงท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดิน 24 ชั่วโมง บ่มีวันหยุดพัก ประชาชนรักท่าน เพราะท่านทำเพื่อพวกเราทุกคน"

"คนที่มาวันนี้ก็คงเหมือนกับตานี่แหละ ที่ครั้งหนึ่งในหลวงเคยเสด็จฯ เยี่ยมถึงจังหวัด แถมยังช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาสารพัด"

บทเริ่มต้นในหนังสือการ์ตูนเฉลิมพระเกียรติ "คู่ฟ้า สองพระบารมี" ซึ่งโครงการคิดอย่างยั่งยืน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กองอำนวยการรักษาความมั่นคง จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ พระอัจฉริยภาพให้ปรากฏ ในโอกาสมหามงคล ครบ 60 ปี พระราชพิธีบรมราชาภิเษกและราชาภิเษกสมรสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในปีพ.ศ.2553 นี้

เป็น 60 ปีแห่งการทุ่มเทพระวรกายของ ทั้งสองพระองค์ในการขจัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ คนไทยต้องไม่ลืม

นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2498 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งปณิธานว่าจะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในต่างจังหวัดให้ทั่วประเทศ โดยเริ่มที่ภาคกลาง แล้วเสด็จฯ ยังภาคอื่นๆ จนครบ ได้แก่ ภาคอีสาน (ปี 2498) ภาคเหนือ (ปี 2501) ภาคใต้ (ปี 2502)

ถือเป็นการเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรเป็นครั้งแรกในรัชสมัย และยังมีครั้งต่อๆ ไปอีกนับไม่ถ้วน

เนื้อหาของเรื่องถ่ายทอดผ่านชีวิตของ "กล้า" เด็กชายคนหนึ่งซึ่งเปลี่ยนแปลงและปรับตัวหลังจากเรียนรู้พระราชภารกิจอันหนักหน่วงของทั้งสองพระองค์ในด้านต่างๆ ได้แก่ การทำฝนหลวง การพัฒนาแหล่งน้ำ โครงการศิลปาชีพ โครงการเกษตรในพื้นที่ต่างๆ

ความพิเศษของหนังสือเล่มนี้มี 2 ประการ

ประการแรก เรื่องราวทั้งหมดบอกเล่าในรูปแบบการ์ตูน ผ่านรูปวาดสีสันสวย งามและลายเส้นอันเป็นเอก ลักษณ์ของ โอม รัชเวทย์

ประการที่สอง มีการรวบ รวมภาพประวัติศาสตร์ที่หาชมยาก นั่นคือ ภาพถ่ายเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎรในจังหวัดต่างๆ เป็นครั้งแรก พร้อมภาพประกอบอันทรงคุณค่าอีกจำนวนหนึ่งที่จะพาทุกคนย้อนกลับไปวันวาน เมื่อครั้งความทุกข์ยากของประชาชนยังเจือปนด้วยรอยยิ้ม และเปี่ยมล้นด้วยความจงรักภักดี

ปกเป็นภาพสามมิติ ถือเป็นหนังสือการ์ตูนปกสามมิติเล่มแรกของประเทศไทย ราคา 300 บาท หนา 208 หน้า จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชน มีจำหน่ายที่บูธมติชน เฉพาะในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 26 มี.ค. ถึง 6 เม.ย. เท่านั้น

พ่อบอกกับกล้าในตอนท้ายของเรื่องว่า

"พ่อเคยอ่านพบว่าระหว่างปีพ.ศ.2512-2520 ในหลวงเสด็จพระราชดำเนินเป็นระยะทางไกลกว่าหนึ่งแสนกิโลเมตร

หลังจากนั้นยังคงเสด็จฯ ติดต่อกันอีกหลายสิบปี

จนบางคนบอกว่า..เส้นทางพระราชดำเนินไกลกว่าระยะทางจากโลกถึงดวงจันทร์เสียอีก...และไม่มีที่ไหนบนผืนแผ่นดินไทย...ที่พระองค์ไม่เคยเสด็จฯ ไป"





" Long Live The Great King Bhumibol Adulyadej "
ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานองค์ภูมิพลอดุลยเดชมหาราชา"
ที่มา:ข่าวสดรายวัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น