“สถาบันพระมหากษัตริย์” คือศูนย์รวมจิตใจของคนไทย
ประเทศ ไทยยังคงมีนักการเมืองคอรัปชั่นมากกว่านักการเมืองดี มีนักการเมืองคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม เป็นอย่างนี้มานาน จนถึงปัจจุบันความซับซ้อนของการคอรัปชั่นนักการเมืองไทยยิ่งพัฒนาไปมากยิ่ง ขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยลุ่มๆ ดอนๆ และความอ่อนแอของสังคมไทยยิ่งอาการหนัก จากระบอบทุนนิยมที่เข้มแข็งขึ้น และหลายต่อหลายครั้งบ้านเมืองเกิดวิกฤต และผ่านพ้นไปได้ด้วยพระบารมีของ “สถาบันพระมหากษัตริย์”นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ “สถาบันพระมหากษัตริย์” ของไทยยังเป็น “ศูนย์รวมจิตใจ” ของคนไทย อย่างที่มีคนตั้งข้อสังเกตเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง “สถาบันพระมหากษัตริย์” อยู่ คู่กับสังคมไทยมานาน ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อประเทศชาติอ่อนแอ ตรงกันข้าม ประเทศไทยปัจจุบันมีการพัฒนาทั้งระบบเศรษฐกิจและสังคม มีคนชนชั้นกลางมากขึ้น มีระดับผู้นำทางความคิดในสังคมมากขึ้น เช่นเดียวกับหลายประเทศที่เคยมี “กษัตริย์” และปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็ยังคงอยู่คู่กับประเทศไทย แม้จะมีความพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นประชาธิปไตย ในปี พ.ศ. 2475
เหตุผลพื้นฐานคือ ด้วยรากฐานสังคมไทยที่เคารพเทิดทูน “สถาบันพระมหากษัตริย์” ที่แม้รัชกาลที่ 7 ทรงสละราชสมบัติ คณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ยังต้องพึ่งพระบารมีของ “สถาบันพระมหากษัตริย์” ที่เป็นมีศูนย์รวมจิตใจ เพื่อให้ประเทศพัฒนาต่อไปได้ อย่างที่นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ต่างยืนยันไว้ว่า ประเทศไทยคือประเทศเดียวในโลก ที่เรียกระบอบการปกครอง “ประชาธิปไตย” โดยต่อด้วย “อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ขณะที่ประเทศอื่นแม้จะมี “สถาบันพระมหากษัตริย์” ก็เรียกเพียงว่าระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ซึ่งระบอบประชาธิปไตยยังมีอีกรูปแบบหนึ่งคือประธานาธิบดีเป็นผู้นำสูงสุด
“เดิมพันของเรานั้นสูง”
ครั้งหนึ่ง เมื่อหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า “เคยทรงเหนื่อย ทรงท้อบ้างหรือไม่” ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสตอบว่า “ความ จริงมันน่าท้อถอยหรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านคือเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ”
ข้อมูลจาก ไทยรัฐ ฉบัย 5 ธ.ค.32
“ราษฎรยังอยู่ได้”
ปีพุทธศักราช 2513 เมื่อพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จพระราชดำเนินไป เยี่ยมราษฎรในตำบลหนึ่งของอำเภอเมืองพัทลุง อันเป็นแหล่งที่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ปฏิบัติการรุนแรงที่สุดในภาคใต้ เวลานั้น ด้วยความห่วงใยอย่างยิ่งล้น ทางกระทรวงมหาดไทยได้กราบบังคมทูลขอให้ทรงรอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่าที่เป็น อยู่เสียก่อน แต่คำตอบที่ทางกระทรวงมหาดไทยได้รับก็คือ “ราษฎร เขาเสี่ยง ภัยยิ่งกว่าเราหลายเท่า เพราะเขาต้องกินอยู่ที่นั่นเขายังอยู่ได้ แล้วเราจะขลาดแม้แต่จะไปเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของเขาเชียวหรือ… คน เราจะอยู่สุขสบายแต่คนเดียวไม่ได้ ถ้าคนที่อยู่ล้อมรอบมีความทุกข์ยาก ควรต้องแบ่งเบาความทุกข์ยากของเขาบ้าง ตามกำลังและความสามารถเท่าที่จะทำได้!”
ข้อมูลจากคำอภิปรายเรื่อง “พระบิดาประชาชน” ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน........
"พระภูมิพลมหาราช" ทรงพระเจริญ
ตอบลบLONG LIVE THE KING