วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ก๋วยเตี่ยวเรือ กับน้ำท่วมกรุง


ส.พลาย น้อย ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ เล่าไว้ในหนังสือ "วันก่อนคืนเก่า" ว่านับแต่สร้างกรุงเทพฯ เป็นต้นมา เกิดน้ำท่วมใหญ่หลายครั้ง ครั้งแรกเมื่อพ.ศ. 2328 และครั้งต่อมาในพ.ศ. 2362 พ.ศ.2374 พ.ศ.2460 ตามลำดับ

เมื่อ ครั้งน้ำท่วมใหญ่พ.ศ. 2485 คนต่างจังหวัดต่อเรืออีแตะหรืออีแปะส่งเข้ามาขายชาวกรุง ช่วงแรกๆ ที่น้ำไม่สูงนัก มีทั้งเรือและรถแล่นกันขวักไขว่เต็มถนน เกิดอุบัติเหตุชนกันเป็นว่าเล่น จนทางการออกคำสั่งห้ามนำเรือมาแล่นถนน

น้ำ ท่วมในปีนั้น คนกรุงเทพฯ เดือดร้อนกันมาก เพราะไร้ที่อยู่ สินค้าพากันขึ้นราคาเท่าตัว คนที่มีสตางค์ก็ซื้อกักตุนไว้ คนที่ไม่มีเช่นกรรมกรก็ได้แต่แหงนหน้าดูฟ้าหมดปัญญาซื้อ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีจึงสั่งตั้งกองบอก บุญและเรี่ยไรเงินเดือนข้าราชการซื้อข้าวสารแจกคนจน

ขณะที่บรรดาคณะ รัฐมนตรีเองก็เดือดร้อนไม่น้อย ต้องย้ายไปประชุมที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำให้หน้าตึกมีสภาพไม่ต่างตลาดน้ำ เพราะมีเรือแพมาจอดเรียงรายคอยรับคณะรัฐมนตรีเต็ม ไปหมด พระยาสไหสวรรย์ รมว.พาณิชย์ ต้องสั่งเรือขายก๋วยเตี๋ยวเข้าไปเลี้ยงรัฐมนตรี
ก๋วยเตี๋ยว เรือลำนั้น ทำให้จอมพลป.พิบูลสงคราม เกิดแนวคิดเชิญ ชวนคนไทยกินก๋วยเตี๋ยวและขายก๋วยเตี๋ยวกัน มากๆ โดยต่อมาภรรยาส.ส.รัตนพิบูลชัย นำก๋วยเตี๋ยวเรือเข้าไปขายถึงในทำเนียบรัฐบาลเป็นคนแรก เครื่องก๋วยเตี๋ยวทุกอย่างทำเองหมด ถั่วงอกก็เพาะเอง และนับแต่นั้นมาคนไทยก็ขายก๋วยเตี๋ยวกันมากขึ้น

สมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวชามละ 5 สตางค์ คนกรุงเทพฯ มีไม่ถึง 7 แสนคน

หากวันนี้กรุงเทพฯ เกิดน้ำท่วมใหญ่ขึ้นมาอีกอย่างที่หลายคนวิตกกังวล คงไม่สนุกเหมือนอดีต!


หน้า 27


ครั้ง สมัยต้นยุครัตนโกสินทร์ สุนทรภู่เขียนถึงไว้ในนิราศพระบาทของสุนทรภู่ในการเดินทางผ่านมาที่ชุมชนหัว รอและแวะพักยังวันแม่นางปลื้มที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนักก่อนจะเดินทางต่อไปยังพระ พุทธบาทสระบุรี  ปัจจุบันนี้ลำคลองหัวรอมีสภาพคับแคบ ทำให้คนที่ผ่านไปมาไม่สามารถจินตนาการของสภาพความคึกคักของตลาดเก่าได้ เท่าไรนัก  แต่สำหรับชาวบ้านที่สัญจรทางน้ำจะพบว่าเส้นทางแยกจากคลองหัวรอสามารถเชื่อม ไปสู่แม่น้ำป่าสักเพื่อที่จะไปอำเภอท่าเรือได้   มุมมองจากถนนรอบเมืองพบว่าอาคารเก่าๆในตลาดส่วนหนึ่งยังคงอยู่ ทว่าความเก่านั้นไม่ใช่ว่าตกทอดมาเป็นศตวรรษ ส่วนใหญ่เป็นตึกแถวรุ่นเมื่อกี่สิบปีมานี่เองที่มีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระ มหากษัตริย์เป็นเจ้าของพื้นที่ ตัวตลาดนั้นเพิ่งถูกไฟไหม้วอดวายไป และชาวบ้านก็เลยย้ายตลาดมายังฝั่งตรงข้าม จุดนี้อยู่ใกล้นิดเดียวกับพิพิธภัณฑ์พระราชวังจันทรเกษม ตรงที่เคยเป็นวังที่ประทับในสมัยที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชขณะที่ดำรงตำแหน่ง เป็นวังหน้า   ตำแหน่งตรงข้ามประตูวังนั้นตกดึกกลับกลายเป็นที่ตั้งของตลาดโต้รุ่งแบบ ง่ายๆ ซึ่งมีอาหารหลากหลายวางขายอยู่กลางลานกว้างหน้าตลาด  ส่วนด้านหน้าถนนมีร้านทองเรียงรายอยู่หลายร้าน รถสามล้อถีบและรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่เต็มไปหมดที่ท่าน้ำ ณ จุดนั้นเองก็เป็นจุดจอดเรือหางยาวสำหรับเช่าท่องเที่ยวรอบกรุงเก่า

 
วันนี้ได้มีโอกาสคุยกับพี่คนหนึ่ง สอบถามว่าน้ำท่วมบ้านหรือยัง พี่เขาตอบยังเรยย ..บอกว่ารออยู่เหมือนกัน คาดว่าคืนนี้น่าจะถึงคิวที่จะท่วมแล้วหล่ะ แต่แกบอกว่าไม่ได้คิดจะกักตุนอาหารอะไรมากมายไว้เลย เพราะคิดว่าถ้าน้ำมาจริง ๆ ก็ไม่อดหร๊อก บ้านเราเป็นเมืองน้ำ ถ้าน้ำท่วมนาน ๆ เดี๋ยวก็มีก๋วยเตี๋ยวเรือมาขาย ปลากริมไข่เต่า ไก่ย่างแม่เอ้ยยย...เองนั่นแหละ.....มีความสุขให้มากกนะน้อง อย่าเครียดนะจร้า เดี๋ยวพี่จะออกไปขึ่มอไซด์สำรวจน้ำท่วมก่อนนะ.....อืมม รถใหญ่ห้่ามผ่านแล้วแกจะเอามอไซด์ไปได้อย่างเน้อ....
นั่นนะสินะ มีความสุขกับวันนี้อยู่กับปัจจุบันให้ได้..ทำให้ใจให้เข้มแข็ง ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้เอง.....เลยเข้าไปหาข้อมูล ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงว่าบ้านเรา พวกท่วมขึ้นมาเยอะ แม่ค้าจะพายเรือเอาอาหารมาขายจริง ๆ ด้วย.....
 
ขอให้พี่น้องคนไทยทำจิตใจให้เข้มแข็งไว้นะค่ะ.........

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น